บทความ/ธรรมะ/ประชาสัมพันธ์/ทำบุญ

ตำนาน ชาติเวร พระจันทร์ - ราหู คู่เวรผูกกรรม (ฉบับพิศดาร) - ต้นตอใช้ออกคำทำนายเป็นหลักการทำนายของดาวพระเคราะห์จรตามหลักโหราศาสตร์ถึงปัจจุบัน

ตำนานชาติเวร

 

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ เมืองมิทิลานคร เมืองแห่งความเจริญรุ่งเรือง เมืองที่มีความมั่งคั่ง มีทั้งการติดต่อค้าขายกับต่างเมืองทำให้บ้านเมืองมีเศรษฐกิจที่ดี มีการทำมาค้าขาย มีตลาดเกือบทุกมุมเมือง มีพ่อค้าต่างถิ่นมากหน้าหลายตาเข้ามาทำการค้ากับเมืองนี้ จึงทำให้ชาวบ้านชาวเมืองส่วนใหญ่ ต่างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี อยู่ดีกินดีตามไปด้วย  แต่ไม่ใช่กับ นางจันทร์  (อดีตชาติของพระจันทร์) นางจันทร์ เป็นชาวเมืองมิทิลานคร ที่เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นล่าง อาศัยอยู่ กระท่อมหลังเล็ก ๆ ท้ายหมู่บ้านกับเจ้าสุนัขแสนรู้ตัวหนึ่ง ชื่อว่า เจ้าพุด (อดีตชาติของพระพุธ) นางจันทร์มีอาชีพรับจ้างหาบน้ำที่ลำธารไปใส่ตุ่มให้กับชาวบ้านชาวเมืองที่เขาไม่ค่อยมีเวลาไปหาบน้ำเอง หรือ คนที่เขาสงสารอยากจะช่วยนางจันทร์ก็จ้างงานบ้างเพื่อเอาบุญ  บางวันที่มีงานหาบน้ำ ก็พอจะมีข้าวสารกรอกหม้อบ้าง แต่วันไหนที่ไม่มีงานหาบน้ำ หรือขาดการจ้างงานไปหลายๆวัน ก็ต้องอดมื้อกินมือไป  ถึงแม้นางจันทร์จะมีฐานะ ยากจน ข้นแค้น การเงินแทบชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยที่จะทอดทิ้ง เจ้าพุด สุนัขคู่ทุกข์คู่ยาก ที่นางจันทร์ รักและถือว่าเป็นเสมือนเพื่อนตายของนาง ยามมีก็กินด้วยกัน ด้วยไม่มีก็อดไปด้วยกัน และเจ้าพุด ก็ทั้งรักและจงรักภักดี กับนางจันทร์มากเช่นกัน ยามที่นางจันทร์ไปหาบน้ำ เจ้าพุด ก็จะคอยเห่าและระวังพวกสัตว์อื่น เช่น งู  แมลง ที่มีพิษอื่นๆ ไม่ให้เข้ามาทำร้ายนางจันทร์ได้

 

 

มีอยู่วันหนึ่ง มีพ่อค้าเร่ จากต่างเมือง (อดีตชาติของพระเสาร์) ผ่านมาทางเมืองมิทิรานคร โดยได้นำเอาผ้าแพรพรรณ สีม่วงครามผืนงาม อันปราณีต และมีราคาแพงมากตามคำสั่งซื้อของท่านคหบดี ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของเมือง และทั้งยังเป็นสหายและคู่ค้าที่ดีต่อกันมานานอีกด้วย (คหบดี คือ อดีตชาติของพระราหู)  และเพื่อต้องการนำเอาสินค้าอื่นๆมาติดต่อเจรจาการค้ากับท่านคหบดีด้วย  ในขณะที่ขบวนเกวียนของพ่อเร่ สวนทางผ่านหน้านางจันทร์ไป เกวียนมีสะดุดกับก้อนหินก้อนหนึ่งทำให้เกวียนยกลอยตัวขึ้นแล้วตกลงมากระแทกกับพื้นนิดหน่อย แต่ว่าเกวียนไม่เป็นไรยังเคลื่อนขบวนต่อไปได้ แต่ว่าตอนที่เกวียนสะดุดก้อนหินนั้น มีห้อผ้าห่อหนึ่งได้ลอยหลุดร่วงลงมาจากเกวียนด้วย  ซึ่งในขณะนั้นนางจันทร์ก็กำลังจะเดินทางไปลำธารเพื่อจะไปหาบน้ำ โดยมีเจ้าพุด เดินติดตามนายของมันไปไม่ห่างนั้น พอเดินไปได้สักระยะ เจ้าพุดก็สังเกตุเห็นห่อผ้า จึงได้วิ่งไปคาบเอาถุงห่อผ้าแพรพรรณสีม่วงครามงดงามผืนหนึ่งที่ตกอยู่บนถนน กลับมาให้นางจันทร์   นางจันทร์ก็รับเอาไว้และคิดว่า คงจะมีใครทำตกไว้เป็นแน่ ผ้าแพรพรรณผืนนี้งดงามละเอียดปราณีตยิ่งสีสันแปลกตาและยังใหม่เหมือนของที่ยังไม่ได้ใช้ ต้องมีราคาแพงมากเป็นแน่ย่อมไม่มีใครเอามาทิ้งให้เสียเปล่าอย่างแน่นอน  นางจันทร์จึงคิดว่า เดี๋ยวเอาไว้หาบน้ำเสร็จแล้วจะนำไปประกาศคืนให้เจ้าของอีกที  จากนั้นนางจันทร์ ก็นำผ้าแพรพรรณผืนนั้นไปตักน้ำที่ลำธารด้วย  ด้วยความเคราะห์ไม่ดี ขณะที่นางจันทร์กำลังจะตักน้ำ ดันลื่นสะดุดล้ม ทำให้ผ้าแพรพรรณผืนงามนั้น ตกลงไปในน้ำ ผ้าแพรพรรณผีนนี้ทักทอด้วยเส้นไยแบบพิเศษการรักษาและทำความสะอาดนั้นค่อนข้างยุ่งยาก ซึ่งจะใช้การซักล้างแบบปกติทั่วไปไม่ได้ จะทำให้เนื้อผ้าหดตัวไม่คงรูป พอนางจันทร์เห็นผ้าลอยตกน้ำไป นางจันทร์ก็อุทานว่า ซวยแล้วครานี้ ฉันต้องแย่แน่ๆ เลย นางจันทร์ก็รีบวิ่งไปคว้า ผ้าแพรพรรณที่ ตกน้ำผืนนั้น ขึ้นมา หลังจากที่ได้นำน้ำไปใส่ตุ่มให้ชาวบ้านที่จ้างเสร็จแล้ว ก็รีบน้ำผ้าแพรพรรณผืนนั้นมาตากแดดไว้ที่บริเวณรั้วหน้ากระท่อม

 

 

ฝ่ายพ่อค้าเร่ พอถึงบ้านคหบดี เพื่อนรัก ก็ดีใจ โผกอดกันยกใหญ่ ถามถึงสารทุกข์สุขดิบกันพอประมาณ แล้วจึงบอกว่า วันนี้เขาได้นำเอาของดีหายากจากเมืองพาราณสี เป็นผ้าแพรพรรณผืนงาม มูลค่าประมาณไม่ได้ เป็นงานผีมือจากช่างที่เก่งที่สุดของเมืองพาราณสีต้องใช้เวลาทักทอถึง 1 ปีเต็มๆ ถึงจะทักทอได้สำเร็จ 1 ผืน ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ท่านคหบดีได้สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษนั้น เขาได้ใช้อภิสิทธิ์พิเศษเพื่อเร่งช่างให้ลัดคิวให้เร็วขึ้นเป็นกรณีพิเศษ จึงได้รอคิวเพียง 7 ปีเท่านั้น พอได้ถึงคิวของท่านคหบดี และ ช่างได้ทำการทักทอเสร็จแล้ว พ่อค้าก็เร่งนำมามอบให้ท่านคหบดีเลยในวันนี้ ท่านคหบดี ก็ดีใจมาก และตื่นเต้นอยากเห็นผ้าแพรพรรณผืนงามที่ตัวเองสั่งเอาไว้ผืนนั้นมาก พอพ่อค้าเร่ เดินจะไปหยิบห่อผ้าแพรพรรณผืนงามนั้นจากเกวียน ปรากฎว่าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จึงคิดว่าอาจจะเป็นตอนที่เกวียนสะดุดก้อนหินตอนนั้นที่เข้าเมืองมา อาจจะทำให้ผ้าหล่นไปจากเกวียน ท่านคหบดี จึงได้สั่งการให้ลูกน้อง ชายฉกรรจ์ 8 นาย ไปตามหาผ้าแพรพรรณบริเวณที่อาจจะทำหล่นหายตามที่พ่อค้าเร่ได้บอกให้ทราบให้หาบริเวณใกล้เคียงด้วยว่ามีใครพบเจอหรือหยิบเอาไปหรือไม่ และจงรีบนำเอามากลับคืนให้เร็วที่สุด

 

 

พอบริวารชายฉกรรจ์ทั้ง 8 นายของท่านคหบดีไปถึงบริเวณที่คาดว่าผ้าแพรพรรณจะตกหล่นอยู่ก็ไม่เจอ อะไรแล้ว จึงได้พยายามค้นหาเดินถามไถ่ชาวบ้านไปเรื่อยๆ จนมาเจอ ผ้าผืนหนึ่งที่กำลังเปียกชุ่มน้ำ ผึ่งตากกับรัวไม้เก่าๆตรงหน้าของของนางจันทร์  พอชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น ได้เจอผ้าตามลักษณะที่พ่อค้าเร่ได้บอกแต่วามันกลับหดตัวไม่ได้สวยคงรูปเหมือนที่พรรณาเอาไว้แล้วเพราะเปียกน้ำ ก็ถามไถ่ เรื่องราวกับนางจันทร์ได้ความแล้ว ว่านางจันทร์เป็นผู้เก็บได้และทำผ้าตกน้ำ ก็เลยจับตัวนางจันทร์พร้อมผ้า ไปให้ท่านคหบดี จัดการ พอ ท่านคหบดี ได้เห็นผ้า แพรพรรณที่เปียกน้ำเสียหาย หดๆ ปวกเปียก ผืนนั้นแล้ว พ่อค้าเร่ก็ได้เห็นถึงท่าที โยกโย้ของท่านคหบดีที่ไม่ต้องการรับผ้าแพรพรรณผืนนั้นแล้ว  ก็เข้าใจได้ว่า มันเป็นความผิดของนางจันทร์ที่ทำให้เขาเสียลาภในครั้งนี้ พ่อค้าเร่ก็ไม่ยอม เพราะมูลค่าของที่เขาเสียหายนั้นมาก จึงจะเอาโทษแก่นางจันทร์ให้ได้ พ่อค้าเร่ใช้คำพูดกิริยาวาจาที่หยาบคายดุด่าว่ากล่าวแก่นางจันทร์เป็นอันมาก ดูด่าว่ากล่าว นางจันทร์เป็นคนอัปรีย์ จัญไร สร้างความหายนะให้เขา และพ่อค้าเร่ก็พยายามบังคับให้นางจันทร์ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบซื้อผ้าแพรพรรณผืนนั้นไว้ เสียเอง  แต่ถ้าไม่รับจะนำตัวส่งให้ทางการเพื่อจำคุก  นางจันทร์ร่ำไห้ บอกว่านางเป็นคนมีฐานะยากจนข้นแค้น แม้แต่ข้าวจะกรอกหม้อยังไม่มีเลย จะเอาปัญญาที่ไหนไปหาเงินมาซื้อผ้าแพรพรรณผืนนี้ได้  ท่านคหบดี ก็เห็นใจนางจันทร์ และอยากให้เรื่องนี้หาทางออกที่ลงตัวได้สักที และก็เห็นใจเพื่อนพ่อค้าเร่ที่อุตส่าห์เสียเวลาจัดการธุระที่ตัวเองสั่งเอาไว้จนสำเร็จแล้วและได้เดินทางมาหาด้วย จึงแสดงความใจกว้าง ได้ออกตัวเป็นธุระไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ ระหว่างนางจันทร์ กับ พ่อค้าเร่ ว่า ไหนๆเรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ผ้าก็เสียหายไปแล้ว ยังไงท่านช่วยลดราคาผ้าที่จะขายให้นางจันทร์มันพอจะซื้อไหวหน่อยล่ะกัน ให้นางรับซื้อไว้ในราคาต้นทุน ของมูลค่าผ้าแพรพรรณ อย่างน้อยพ่อค้าก็ได้ทุนคืน ท่านคหบดียินดีให้นางจันทร์ กู้ยืมเงิน เพื่อทำการซื้อผ้าผืนนี้เอง  พอท่านคหบดีช่วยเคลียร์ให้แบบนี้ พ่อค้าเร่ ก็เกรงใจท่านคหบดี ก็เลยยอมขายผ้าให้นางจันทร์ ในราคาต้นทุน ส่วนนางจันทร์ ก็กลายเป็นหนี้เงินกับท่านคหบดี โดยให้นางจันทร์ปั้มลายนิ้วมือในเอกสารสัญญากู้ยืมเงินเอาไว้เป็นหลักฐานและมีผ้าแพรพรรณผืนนั้นเป็นประกันเอาไว้ด้วย โดยตกลงสัญญาว่าจะต้องนำเงินต้นและดอกเบี้ยทยอยมาคืนท่านคหบดี ตามจำนวนที่ตกลงไว้ ทุกๆเดือน จึงจะหมดหนี้และได้ผ้าแพรพรรณคืน ฝ่ายนางจันทร์ด้วยความจำยอม ก็เลยต้องยอมทำสัญญากู้ยืมเงินจากท่านคหบดีเพื่อซื้อผ้าแพรพรรณผืนนั้นโดยไม่มีข้อแม้ และจึงได้ถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านได้

 

 

ฝ่ายนางจันทร์เครียดหนัก ลำพังจะหากินอยู่ทุกวันนี้ก็ยากลำบากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะมีหนี้ก้อนโต เพิ่มขึ้นมาอีก จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร นางจันทร์ คิดไม่ตก จึงคิดหลบหนีไปจากเมืองมิทิลานคร ในตอนกลางดึก กับเจ้าพุด สุนัข คู่ทุกข์คู่ยาก และได้ล่องแพตามน้ำไปทางเมืองพาราณสี และไปตั้งหลักแหล่งปลูกกระท่อมอยู่ที่ในบริเวณชายป่าในเมืองพาราณสี  เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อท่านคหบดี ทราบข่าวว่านางจันทร์เบี้ยวหนี้และได้หลบหนี ไปแล้ว  ก็โมโหโกรธเคือง นางจันทร์ เป็นอันมาก สั่งให้คนออกตามล่า ไปสืบเสาะมาให้ได้ว่านางจันทร์ หลบหนีไปอยู่ที่ไหน ถ้าใครแจ้งเบาะแสจะได้เงินรางวัลนำจับด้วย เมื่อเวลาผ่านไปประมาณสักพักใหญ่ๆ  พ่อค้าเร่ (อดีตชาติคือพระเสาร์) ได้ทำการค้าจากต่างเมืองเสร็จแล้ว และได้กลับมายังเมืองพาราณสี จึงได้เผอิญเห็นนางจันทร์ กำลังเดินเข้าไปในกระท่อมที่ชายป่านั้นเข้า ก็จำได้ และนึกถึงผลประโยชน์ที่เสียหายไปของท่านคหบดีผู้เป็นสหาย จึงรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทน จึงได้รีบส่งข่าวนี้ไปถึง ท่านคหบดีว่า เขาได้พบเจอตัวนางจันทร์แล้ว ตอนนี้ นางมาหลบหนีมาอยู่ที่ชายป่าในเมืองพาราณสี นี้  พอท่านคหบดี ได้ทราบเรื่อง ก็ด้วยความใจร้อน อยากจะชำระความกับนางจันทร์ จึงได้นำบริวารชายฉกรรจ์ จำนวนหนึ่ง รีบออกเดินทางไปด้วยตนเอง เพื่อจะไปตามล่านางจันทร์ ทันที

 

 

ฝ่ายนางจันทร์ ก็พยายาม ปิดบังชื่อแส่ และไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนมาก และออกรำจ้างทั่วๆไป ตามแล้วแต่ใครจะจ้าง พอมาวันหนึ่ง นางจันทร์ได้เลิกงานกลับมาที่กระท่อม แต่ไม่ทราบว่า ท่านคหบดี ได้แอบสุ่มอยู่บริเวณนั้น ก่อนแล้ว เพื่อรอที่จะจับตัวนางจันทร์  พอนางจันทร์เดินเข้าไปในกระท่อม ท่านคหบดี ก็เปิดเผยตัว บุกเข้าไปลากตัวนางจันทร์ออกมา นางจันทร์ ร่ำไห้ และร้องเรียกให้คนช่วย แต่ว่า กระท่อมอยู่ใกล้กับบ้านผู้คนพอสมควร จึงไม่มีใครได้ยินคำขอความช่วยเหลือของนาง มีแต่ เจ้าพุด สุนัขคู่ทุกข์คู่ยาก ที่เมื่อได้ยินเสียงนางจันทร์ ร้องขอความช่วยเหลือแล้ว ก็รีบวิ่งกระโจนออกมาจากบริเวณป่าหลังกระท่อม ออกมาวิ่งไล่กัด ท่านคหบดี และชายฉกรรจ์พวกนั้น จนสบัก สบอม และเจ้าพุด ก็โดน ท่านคหบดีก็ใช้ไม้ท้าวฟาดตัวเจ้าพุดไปอย่างแรงจนกระเด็นเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้าพุดก็พยายามสู้อย่างเต็มที่สุดกำลัง เพื่อถ่วงเวลาให้ นางจันทร์รีบหนีไป ฝ่ายท่านคหบดี ได้รับบาดเจ็บจากการที่โดน เจ้าพุด กัด และทำร้าย จึง ได้ยอมแพ้ยอมล่าถอย รีบกลับไปรักษาตัวที่เมือง มิทิลานครทันที ส่วนฝ่ายนางจันทร์ ก็รีบวิ่งหลบหนีเข้าไปทางป่าหลังกระท่อม  และรอดจากการตามล่า ของท่านคหบดี ในครานี้ได้สำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือของ เจ้าพุด สุนัขแสนรู้ตัวนั้น 

 

 

ความเป็นมาของตำนานชาติเวรนี้ จึงได้ผูกเรื่องเป็นเกณฑ์ทำนายตามหลักโหราศาสตร์ขึ้น ตามดาวพระเคราะห์บทนี้ที่เป็นมูลเหตุแห่งชาติเวรที่ว่า
พระจันทร์ (๒) โคจรมาต้อง พระราหู (๘) ให้ทายว่า เจ้าชะตาได้รับความช่วยเหลือเรื่องเกี่ยวกับเงินๆทองๆ หากมีความติดขัดเรื่องเกี่ยวกับเงินๆทองๆ จะหยิบยืม จะทำเรื่องกู้ยืมก็จะผ่านได้ด้วยดี
พระราหู (๘) โคจรมาต้อง พระจันทร์ (๒) ให้ทายว่า ทรัพย์สินเงินทองที่มีผู้อื่นหยิบยืมจะไม่ได้คืน หรือหนี้สงสัยจะเป็นศูนย์ หรือ จะถูกริบทรัพย์สิน ทำคุณคนไม่ขึ้น ถ้าช่วยเหลือเรื่องการเงินแก่ใครอาจจะได้รับความเดือดร้อน หรือโดนแคว้งกัดในภายหลังได้
พระเสาร์ (๗) โคจรมาต้อง พระจันทร์ (๒) ให้ทายว่า จะมีคนมาดูถูกดูหมิ่น เหยียบหยาม ทำร้ายจิตใจ หรือจะต้องถูกเขาใส่ถ้อยความมิดี นินทาว่าร้าย หรือ ในสมัยนี้ก็เรียกว่า โดนทัวร์ลง
พระจันทร์ (๒) โคจรมาต้อง พระพุธ (๔) หรือว่า ในทางกลับกัน (พระพุธ (๔) โคจรมาต้อง พระจันทร์ (๒) ก็ให้ทายว่า จะได้มิตรสหายที่ดี จะได้คู่คิดที่ดี คู่อุปถัมภ์ค้ำชูที่ดี ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกันดี ได้ลาภได้ยศ ส่่งเสริมดวงซึ่งกันและกันให้เจริญรุ่งเรือง
พระพุธ (๔) โคจรมาต้อง พระราหู (๘) ให้ทายว่า เจ้าชะตาระวังโดนสุนัขจะกัด หรือ ทายว่ามีเกณฑ์โดนหมาแมวกัดก็ได้ หรือ ระวังสัตว์ที่มีเขี้ยวมีงา ต่างๆ มาทำร้าย ให้ได้รับบาดเจ็บได้
พระราหู (๘) โคจรมาต้อง พระพุธ (๔) ให้ทายว่า มีเกณฑ์โดนศัตรูทำร้าย หรือ ศัตรู คนร้าย บุกถึงถิ่นเรือนชานและทำร้าย หรือ มีเกณฑ์จะได้รับภัยความเดือดเนื้อร้อนใจจากคนแปลกหน้าก็ได้
พระเสาร์ (๗) โคจรมาต้อง พระราหู (๘) ทายว่า จะได้มิตรที่ถูกใจ ถูกคอกัน เป็นคนประเภทเดียวกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ให้ระวังอาจจะพากันเดือดร้อนขึ้นได้ในภายหลังหากไม่มีสติ ตรึกตรองด้วยปัญญา ไม่รอบคอบในการตัดสินใจ ไม่ใช่เพื่อนฝูงยุยอส่งอย่างไร ก็ทำหมดทุกอย่าง
ตัวหลักดำเนินเรื่องหลัก ก็คือดาวพระจันทร์ ๒ (หรือ นางจันทร์) - และพระราหู (ท่านคหบดี) ๘ เมื่อ พระราหู(๘) กับ พระจันทร์ (๒) มาต้องกัน ต้องพิจารณาดูว่าอะไรจรมาเจอกับอะไรและจะเกิดผลยังไง แต่จริงๆ แล้วรวมๆ ก็คือ ให้ทายไปในเชิง. ให้คุณทางด้านเครดิตทางด้านการเงิน การลงทุน เงินทุนหมุนเวียนจะดี หากกำลังดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องธุรกรรมทางด้านการเงินใดๆ ก็จะราบรื่น แต่ในทางกลับกันก็ให้ระมัดระวังว่า ถ้าในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั้น หากมีใครมาขอยืมเงิน หรือมาขอกู้เงินจากเราแล้ว ถึงแม้จะมีเอกสารสัญญาครบถ้วนและเราให้ยืมไป ก็จงให้ทำใจเอาไว้ครึ่งนึงเลยว่ามีเกณฑ์อาจจะไม่ได้คืนมาง่ายๆ หรือ หนี้สงสัยจะเป็นศูนย์ได้ เป็นต้น
 
ที่มา : บทความจาก เว็ป โหราหน้าหยก
แสดงความคิดเห็น
แบรนด์เนอร์

ทำนายดวงรายวันฟรี!


เลือกวัน/เดือน/ปี พ.ศ.เกิด








(หมายเหตุ: ผู้ที่เกิดหลังเที่ยงคืน - ตี 05.59 น. ยังไม่นับเป็นวันใหม่ตามหลักสากล ให้ยึดใช้วันเกิดตามปฏิทินจันทรคติ และผู้ที่เกิดวันพุธ(กลางคืน) เริ่มนับตั้งแต่เวลา 18.00 - ตี 05.59 น.)


เข้าสู่ระบบ
ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
 
 
แบนด์เนอร์สมัครสมาชิกวีไอพี

























เลือกวัน/เดือน/ปี พ.ศ.เกิด

โซนพื้นที่ สำหรับ สมาชิก VIP รายปี พรีเมียม โบนัส

การดูดวงโหราศาสตร์

แบบนิรายนะ(ลาหิรี)

ครึ่งปีแรก คือนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน ของทุกปี
และ
ครึ่งปีหลัง คือนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม - 31 ธันวาคม ของทุกปี

ตรวจดวงชะตาเคราะห์ ดี-ร้าย

ประจำปีนี้

วัน/เดือน/ปีเกิด : *







การทำนายดวงด้วยเลข

บัตรประชาชน หน้า-หลัง





การทำนายดวงด้วยอักษรและตัวเลขในหนังสือเดินทาง (Passport)




ตำราเข็มทิศ 8 เทพ

ลิขิตชะตา


เลือกวัน/เดือน/ปี พ.ศ.เกิด




(วันเกิดนับตามจันทรคติ คือ เวลา 06.00 โมงเช้า
ถึงตี 05.59น. ในวันรุ่งขึ้น ถือว่าเป็น 1 วัน ไม่ใช่นับเวลาเลยหลังเที่ยงคืน แล้วคือวันใหม่ ตามหลักสากล และสำหรับคนที่เกิดวันพุธ เวลาตั้งแต่ 18.00 - ตี 05.59น. ให้ถือว่า เป็นคนเกิดวันพุธกลางคืน หรือ วันราหู)




กรุณาเลือกวัน/เดือน/ปี/ จรที่ต้องการรับคำทำนาย




โหราหน้าหยก
E-mail : horanayokone995@gmail.com
Facebook : โหราหน้าหยก นิรายนะ ลาหิรี
Line ID : @horanayok

ติดต่อโหราหน้าหยก